นับตั้งแต่ที่สมาร์ทโฟนสามารถแชร์สัญญาณ WiFi ได้ ทำให้เริ่มมีหลาย ๆ คนเกิดความคิดที่ว่าใช้แค่เน็ตมือถือแล้วแชร์สัญญาณออกไปก็น่าจะเพียงพอกับความต้องการแล้ว ไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตบ้านก็ได้ ซึ่งเพื่อให้กระจ่างในข้อมูลนี้ เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่าว่าทั้งสองระบบที่ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน
ความเร็วของอินเตอร์เน็ต
คุณเคยได้ยินเรื่องข่าวการประมูลคลื่นความถี่กันบ้างไหม? ใช่แล้วความถี่ที่ว่าก็คือสัญญาณที่ทางผู้ให้บริการค่ายต่าง ๆ จะนำมากระจายเน็ต 3G/4G ให้แก่ผู้ใช้นั่นเอง และด้วยความที่เจ้าคลื่นนี้ดันมีจำกัดเลยทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่คุณจะได้รับไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องแชร์กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนรายอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยจะเห็นได้จากเวลาที่คุณเข้าไปในตัวเมืองหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่าง ๆ ความเร็วเน็ตจะลดลงอย่างน่าใจหาย
ในทางกลับกันต้องบอกเลยว่าอินเตอร์เน็ตบ้านถือว่าทำความเร็วได้ดีกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากรับสัญญาณผ่านสื่อกลางประเภทต่าง ๆ โดยตรง เช่น สายทองแดงหรือสายใยแก้วนำแสง แล้วค่อยมากระจายสัญญาณอีกทีให้กลายเป็นเน็ตบ้านไวไฟในภายหลัง
ความนิ่งของสัญญาณ
จากที่เราพึ่งกล่าวไปว่า เน็ตมือถือนั้นใช้วิธีรับสัญญาณจากเสาคลื่นความถี่ที่มีจำกัด แถมใคร ๆ ก็ยังสามารถเข้าถึงได้ ทำให้เรื่องความเสถียรในการใช้งานก็มักจะเกิดปัญหาด้วยเช่นเดียวกัน โดยลองนึกภาพตามดูสิว่าถ้าในชุมชนใดก็ตามที่หากมีเสาสัญญาณเพียงแค่ต้นเดียว แต่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากจะเกิดอะไรขึ้น? แถมนี่ยังไม่ได้นับในเรื่องของกรณีที่ฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจอีกด้วยนะ
ขณะที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหลายกำลังหงุดหงิดใจอยู่นั้น คนที่เชื่อมต่อเน็ตบ้านไวไฟก็นอนเล่นกันได้อย่างสบายใจ และต่อให้ฟ้าจะร้องหรือฝนจะสาดสักเพียงใด แค่ติดตั้งระบบเน็ตเป็นแบบไฟเบอร์ก็หายห่วง เพราะใช้สายใยแก้วนำแสงเป็นตัวรับสัญญาณ ซึ่งข้อดีคือไม่ต้องถูกรบกวนจากคลื่นไฟฟ้าหรือสภาพอากาศอย่างสายทองแดง
ความสะดวกและครอบคลุมต่อการใช้งาน
ขึ้นชื่อว่าความสะดวก เราสามารถยกความดีความชอบให้อินเทอร์เน็ตมือถือไปได้เลย เพราะด้วยความโดดเด่นที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดทั้งสามารถพกพาไปในมาไหนก็ได้ รวมถึงแชร์เน็ตสำหรับทำงานนอกสถานที่หรือเพื่อความบันเทิงก็ครอบคลุมหมดกับทุกความต้องการ
แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณก้าวเท้าเข้าบ้าน เมื่อนั้นก็เปรียบเสมือนเวทีสำหรับให้เน็ตบ้านได้เฉิดฉาย เพราะมีสิ่งหนึ่งที่เน็ตมือถือไม่มีวันทำได้เลยนั่นก็คือ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านที่สามารถรองรับได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะโทรทัศน์, กล้องวงจรปิด, แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนอีกสักกี่เครื่องก็เอาอยู่
จากทุกหัวข้อที่เรานำมาเปรียบเทียบกันจะเห็นได้อย่างหนึ่งว่า หากอยู่ภายในที่พักอาศัยดูเหมือนอินเตอร์เน็ตบ้านจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าในทุก ๆ ด้าน ขณะเดียวกันหากเป็นการใช้งานนอกสถานที่เน็ตมือถือก็ชนะขาดลอยอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นทั้งสองระบบจึงเป็นเหมือนส่วนเติมเต็มของกันและกัน เพื่อให้เราสามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์นั่นเอง
